Beijing BAI Lear Automotive System CO., Ltd.

01 ภาพรวม

Beijing BAI Lear Automotive System Co., Ltd. (BAI Lear) เป็นกิจการร่วมค้าก่อตั้งโดย Beijing Hainachuan Automotive Parts Co., Ltd. (BHAP) และ Lear Corporation โดยดำเนินธุรกิจออกแบบและผลิตระบบเบาะรถยนต์ ปัจจุบัน บริษัทมีพนักงานกว่า 800 คนและได้ให้บริการลูกค้าที่มีชื่อเสียงหลายราย เช่น Beijing Benz และ BAIC BJEV โดยมียอดขายต่อปีสูงสุดถึง 3 พันล้านหยวน

ด้วยคุณค่าจากความเชี่ยวชาญของ Lear Corporation ซึ่งเป็นบริษัทแม่ในประเทศอเมริกา BAI Lear จึงมีเป้าหมายที่จะครองตำแหน่งผู้นำในตลาดเบาะรถยนต์ของจีน Lear Corporation อยู่ในอันดับที่ 148 ในการจัดอันดับของ Fortune 500 ประจำปี 2018 และมีเทคโนโลยีรวมถึงกระบวนการที่ครบวงจรที่สุดในอุตสาหกรรมเบาะรถยนต์ นอกจากนี้ยังมีชื่อเสียงในด้านการผลิตเบาะรถยนต์คุณภาพสูงราคาถูก ตั้งแต่ระบบที่มีการผลิตเป็นจำนวนมากไปจนถึงโซลูชันเบาะรถยนต์เพื่อใช้งานตามจุดประสงค์ซึ่งนิยมใช้กันอย่างแพร่หลายในรถยนต์หลากหลายรุ่น เช่น รถ RV ขนาดเล็ก รถ SUV และรถยนต์นั่งขนาดใหญ่

02 ความท้าทาย

เนื่องจากตลาดรถยนต์ในประเทศจีนมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว BAI Lear จึงเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉลี่ย BAI Lear จะผลิตเบาะ 1,500 ชุด (แต่ละชุดมี 2 ที่นั่งสำหรับคนขับและผู้ช่วยคนขับ) และขันสกรู 6,000 ตัวต่อวัน เมื่อมีการปรับใช้โซลูชันระบบอัตโนมัติ ความล่าช้าคือสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในการผลิตและจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาที่น้อยลงในการปรับตัวระหว่างพนักงานและอุปกรณ์ใหม่ ดังนั้น Lear จึงจำเป็นต้องนำโซลูชันระบบอัตโนมัติที่มีประสิทธิภาพและยืดหยุ่นมาใช้อย่างเร่งด่วน 

03 การแก้ไขปัญหา

นับตั้งแต่เปิดตัวหุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงาน UR10 สำหรับขันสกรูตัวแรกไปเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2017 Lear ก็ได้นำหุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงาน UR 38 ตัวมาปรับใช้ในประเทศจีน โดยการใช้งานหลักๆ คือขันสกรูเบาะรถยนต์ ตรวจสอบระบบไฟฟ้า หยิบและวางชิ้นส่วน รวมถึงกระบวนการอื่นๆ

04 เปิดรับโอกาสในตลาดด้วยการปฏิรูปการผลิต

ในฐานะที่เป็นตลาดรถยนต์ที่มีขนาดใหญ่และเติบโตเร็วที่สุดในโลก จีนจึงเป็นตลาดที่ผู้ผลิตรถยนต์ทุกรายต่างแข่งขันกันด้วยกลยุทธ์ แม้ในปี 2018 ตลาดรถยนต์ในจีนจะประสบปัญหาการเติบโตที่ถดถอยลงเป็นครั้งแรกในระยะเวลา 28 ปีที่ผ่านมา ด้วยยอดขายประจำปีที่ตกลงมาเหลือ 28 ล้านคัน แต่อุตสาหกรรมนี้ก็ยังคงเชื่อว่านี่เป็นการเปลี่ยนแปลงระยะสั้นเท่านั้นก่อนจะเข้าสู่ช่วงที่มีการเติบโตอย่างเต็มที่ ในช่วงเวลานี้ ผู้ผลิตรถยนต์จำเป็นต้องเพิ่มความสามารถในการแข่งขันในด้านคุณภาพและราคาเพื่อให้พร้อมสำหรับโอกาสที่จะเกิดขึ้นในการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างอุตสาหกรรม

ฝ่ายบริหารของ BAI Lear ได้เริ่มพิจารณาถึงการเพิ่มประสิทธิภาพและยกระดับการผลิตตั้งแต่หลายปีก่อนเพื่อส่งเสริมการพัฒนาอย่างยั่งยืนและปรับตัวตามการเปลี่ยนแปลงของตลาดในระยะยาว เมื่อพิจารณาดังนี้ ระบบอัตโนมัติสำหรับอุตสาหกรรมจึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสม ในการประเมินโซลูชันระบบอัตโนมัติ บริษัทให้ความสำคัญกับคุณลักษณะ 4 ด้านต่อไปนี้เป็นหลัก ได้แก่

• ปลดปล่อยศักยภาพของพนักงานในสายการผลิต - มีกระบวนการหลายขั้นตอนในการผลิตเบาะรถยนต์ที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก แต่เป็นการทำงานที่ซ้ำซากและน่าเบื่อ เช่น การขันสกรูบนเบาะ หลังผ่านไประยะหนึ่ง พนักงานมักจะลาออกจากงานจึงนำไปสู่อัตราการลาออกของพนักงานที่สูง ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อประสิทธิภาพการผลิตโดยรวม ดังนั้น กระบวนการดังกล่าวจึงเป็นเป้าหมายที่เหมาะสมสำหรับการปฏิรูปด้วยระบบอัตโนมัติ

• ปรับใช้ได้อย่างรวดเร็วและใช้งานง่าย - เนื่องจากตลาดรถยนต์ในประเทศจีนมีการเติบโตอย่างรวดเร็ว BAI Lear จึงเพิ่มกำลังการผลิตอย่างต่อเนื่องในช่วงหลายปีที่ผ่านมา โดยเฉลี่ย BAI Lear จะผลิตเบาะ 1,500 ชุด (แต่ละชุดมี 2 ที่นั่งสำหรับคนขับและผู้ช่วยคนขับ) และขันสกรู 6,000 ตัวต่อวัน เมื่อมีการปรับใช้โซลูชันระบบอัตโนมัติ ความล่าช้าคือสิ่งที่ไม่ควรเกิดขึ้นในการผลิตและจำเป็นต้องใช้ระยะเวลาที่น้อยลงในการปรับตัวระหว่างพนักงานและอุปกรณ์ใหม่

• มีความยืดหยุ่นสูงเพื่อตอบสนองความต้องการในอนาคต - เมื่อต้องเผชิญกับตลาดรถยนต์ที่มีการแข่งขันสูงขึ้นเรื่อยๆ ผู้ผลิตรถยนต์จึงจำเป็นต้องดึงดูดผู้บริโภคด้วยรถยนต์รุ่นใหม่ๆ และชิ้นส่วนที่มีคุณภาพดีขึ้น ดังนั้น ผู้ผลิตที่อยู่ในห่วงโซ่อุปทานส่วนปลาย ซึ่งรวมถึงผู้ผลิตเบาะรถยนต์ จึงต้องแสดงให้เห็นถึงความสามารถในการปรับตัวในระดับสูงและปรับเปลี่ยนการผลิตได้อย่างทันเวลาเพื่อตอบสนองต่อความต้องการเฉพาะของผลิตภัณฑ์ที่เปลี่ยนแปลงไป 

• มีราคาที่คุ้มค่า - BAI Lear ให้ความสำคัญอย่างยิ่งต่อต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO) โซลูชันระบบอัตโนมัติ โดยปัจจัยด้านต้นทุนที่นำมาพิจารณาได้แก่ ราคาของผลิตภัณฑ์และอุปกรณ์เสริม เวลาที่ใช้ในการฝึกอบรมให้ผู้ใช้ การบำรุงรักษา และฐานเครื่องในพื้นที่ทำงาน 

ในระยะแรกของการประเมิน BAI Lear มองว่าหุ่นยนต์อุตสาหกรรมเป็นโซลูชันที่เหมาะสม แต่หลังจากได้พิจารณาเพิ่มเติม ด้วยพื้นที่ติดตั้งที่จำกัดในพื้นที่ทำงาน ต้นทุนที่สูงของหุ่นยนต์อุตสาหกรรมแบบดั้งเดิม และความยืดหยุ่นที่ต่ำในการปรับตัวสำหรับความต้องการในอนาคต BAI Lear จึงมั่นใจว่าโคบอท (หุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงาน) สามารถตอบสนองความต้องการของบริษัทได้ดีกว่า

หลังจากทำการเปรียบเทียบและประเมินโคบอทรุ่นต่างๆ ที่มีอยู่ในตลาดแล้ว ในที่สุด BAI Lear ก็ตัดสินใจได้ว่า UR คือทางเลือกที่เหมาะสมที่สุด โคบอทของ UR สามารถตอบสนองความต้องการด้านระบบอัตโนมัติของผู้ใช้ได้เป็นอย่างดี ทั้งยังมีราคาถูกและให้ความคุ้มค่าที่มาพร้อมกับการใช้งานครบวงจร นอกจากนี้ ยังสามารถกำหนดค่าได้ง่าย มีการทำงานที่น่าเชื่อถือ และใช้งานง่าย ดังนั้น จึงช่วยลดเวลาในการผสานรวมและทดสอบการทำงานลงได้อย่างมาก ซึ่งเป็นการลดความเสี่ยงของโครงการด้วย

การร่วมมือกันเพื่อให้ผู้ใช้ได้รับประโยชน์ทุกฝ่าย

นับตั้งแต่ความคิดแรกเริ่มในการแนะนำโคบอทไปจนถึงการนำมาใช้ในขั้นตอนสุดท้าย พันธมิตรที่เชื่อถือได้นับเป็นส่วนสำคัญของความสำเร็จ SiguVI มีบทบาทสำคัญในการเป็นตัวกลางระหว่างฝ่ายต่างๆ ในโครงการนี้ ในระยะแรกของการร่วมมือ SiguVI และ UR ได้ร่วมกันออกแบบแผนการในระดับเบื้องต้นให้กับ BAI Lear

05 พันธมิตรคนสำคัญในการทำงานร่วมกันเพื่ออนาคต

ในปี 2017 BAI Lear ตัดสินใจนำหุ่นยนต์ UR10 มาปรับใช้ โดยการใช้งานหลักๆ คือขันสกรูเบาะรถยนต์ ตรวจสอบระบบไฟฟ้า หยิบและวางชิ้นส่วน รวมถึงกระบวนการอื่นๆ

หุ่นยนต์ UR10 แบบหกแกนใช้การออกแบบที่สามารถแยกส่วนได้ โดยแต่ละแกนมีช่วงการหมุน +-360 องศา แขนกลมีน้ำหนักเพียง 28.9 กก. รับน้ำหนักได้จริง 10 กก. ระยะทำงาน 1,300 มม. ขนาดการติดตั้งมีระยะเส้นผ่านศูนย์กลางเพียง 190 มม. ความเร็วในการทำงานของเครื่องมือสูงสุด 1 ม./วินาที ความแม่นยำในการปรับตำแหน่งใหม่ +-0.03 มม. สัญญาณ I/O ของหุ่นยนต์มีทั้งแบบแอนะล็อกและดิจิทัล การสื่อสารผ่านอีเทอร์เน็ตที่ตรงตามโปรโตคอล TCP/IP MODBUS หน้าจอสัมผัสขนาด 12 นิ้วสำหรับผู้ใช้งาน ติดตั้ง PolyScope GUI ใช้กำลังไฟ 220VAC สำหรับกล่องควบคุมของหุ่นยนต์ โปรแกรมทั่วไปใช้พลังงานเพียง 350W และหุ่นยนต์สามารถทำงานได้ในช่วงอุณหภูมิแวดล้อมตั้งแต่ 0°-50° 

UR10 มีการตั้งโปรแกรมที่ง่ายดาย ติดตั้งและตั้งค่าได้รวดเร็ว ปรับใช้ใหม่ได้อย่างยืดหยุ่น สามารถทำงานร่วมกับมนุษย์ได้และมีความปลอดภัย แขนกลสามารถขับเคลื่อนในทิศทางย้อนกลับได้เพื่อให้ควบคุมได้โดยตรงในการสาธิตที่ตั้งโปรแกรมไว้ เมื่อกำหนดค่าพารามิเตอร์ด้านความปลอดภัยและทำการประเมินความปลอดภัย UR10 จะสามารถตอบสนองความต้องการในการทำงานร่วมกันระหว่างมนุษย์และหุ่นยนต์ได้โดยไม่ต้องใช้รั้วป้องกัน 

UR10 เป็นหุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงานระหว่างมนุษย์และเครื่องจักรที่มีน้ำหนักเบาและขนาดเล็ก เหมาะสำหรับการประกอบชิ้นส่วน การป้อนและตัดด้วยเครื่องมือกล การทดสอบวัสดุ การหยิบและวางวัสดุ การวางซ้อนและแยกสิ่งของที่ซ้อนกันออก การฝนและขัดในอุตสาหกรรม เช่น อิเล็กทรอนิกส์ เครื่องใช้ภายในบ้าน และอุตสาหกรรม 3C 

การนำหุ่นยนต์ UR มาใช้ของ BAI Lear ทำให้เห็นผลลัพธ์ในทันที และสามารถตอบสนองความต้องการด้านระบบอัตโนมัติสำหรับอุตสาหกรรมดังที่กล่าวไว้ข้างต้นได้อย่างครบถ้วน 

การปรับใช้ที่รวดเร็วใกล้เคียงความเร็วของ “โซลูชันแบบเทิร์นคีย์”

หลังลงนามในข้อตกลงการซื้อ UR ก็ได้จัดเตรียมการส่งมอบหุ่นยนต์ รวมถึงการติดตั้ง และการฝึกอบรมสำหรับผู้ใช้ให้แก่ BAI Lear ในทันที หุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงาน UR10 ตัวแรกสำหรับขันสกรูยังคงปฏิบัติหน้าที่มาอย่างต่อเนื่องนับตั้งแต่เปิดตัวไปเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม 2017

วิศวกรจาก BAI Lear กล่าวว่า “ผมไม่มีประสบการณ์ในการตั้งโปรแกรมมาก่อน แต่เทคโนโลยีที่ได้รับการจดสิทธิบัตรของ UR ทำให้ผมสามารถตั้งค่าและใช้งานโคบอทได้อย่างรวดเร็ว ผมใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีเท่านั้นในการเรียนรู้วิธีเริ่มต้นและหยุดการทำงานของหุ่นยนต์ และแม้แต่เขียนโปรแกรม และผมพบว่าการทำงานกับหุ่นยนต์ค่อนข้างมีความน่าสนใจ เพราะพวกมันปฏิบัติตามคำสั่งของผมได้อย่างไม่บกพร่อง ดังนั้น ความเครียดและความกดดันในการทำงานของผมจึงลดลงอย่างมาก และผมรู้สึกผ่อนคลายมากขึ้น

ความเสถียรในการผลิตและประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

หุ่นยนต์ UR ถูกนำมาใช้ในการขันสกรูสำหรับเบาะรถยนต์ การทดสอบระบบไฟฟ้า การหยิบและวางอุปกรณ์เป็นส่วนใหญ่ รวมถึงกระบวนการอื่นๆ เมื่อนำหุ่นยนต์ร่วมปฏิบัติงานมาใช้ BAI Lear จึงสามารถปรับปรุงความสม่ำเสมอของคุณภาพผลิตภัณฑ์และลดการเกิดข้อผิดพลาดจากมนุษย์ได้ ซึ่งช่วยเพิ่มความพึงพอใจให้แก่ลูกค้า

ประโยชน์ที่พนักงานได้รับจากระบบอัตโนมัติ

หลังจากนำหุ่นยนต์ UR มาใช้ พนักงานที่เคยทำงานในสายการผลิตเหล่านี้สามารถเปลี่ยนไปปฏิบัติหน้าที่ในงานที่มีคุณค่ามากกว่าได้ การพัฒนาเทคโนโลยีหุ่นยนต์มีบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการผลิตแบบอัจฉริยะ เพิ่มประสิทธิภาพการผลิต พัฒนานวัตกรรม และส่งเสริมความสามารถในการแข่งขันที่สำคัญ

ประสิทธิภาพการผลิตสูงขึ้นพร้อมการผลิตที่รับประกันความปลอดภัย

Mr. Song Xiaohui ผู้จัดการทั่วไปของ BAI Lear กล่าวว่า “เมื่อเรานำโคบอท UR มาปรับใช้ โคบอทได้ช่วยให้เราเปลี่ยนเป็นระบบอัตโนมัติได้ง่ายขึ้น ผู้ใช้ซึ่งได้แก่พนักงานของบริษัท จึงได้รับประโยชน์มากมาย เช่น ไม่จำเป็นต้องมีรั้วนิรภัย ตั้งโปรแกรมได้ง่าย ติดตั้งและปรับใช้ได้อย่างยืดหยุ่น และยังประหยัดพื้นที่” 

Mr. Song กล่าวว่า “ในฐานะธุรกิจผู้ผลิต เราได้รับความต้องการที่สูงขึ้นจากลูกค้าของเราทุกปี ดังนั้น เราจึงต้องพัฒนาการควบคุมกระบวนการผลิตอยู่เสมอและรักษาประสิทธิภาพการผลิตให้คงที่ พร้อมทั้งปรับปรุงความสม่ำเสมอในการผลิตด้วย และการนำโคบอทมาใช้ช่วยให้เราตอบสนองความต้องการข้างต้นได้ ทั้งยังสามารถเพิ่มประสิทธิภาพการผลิตในโรงงานรวมถึงความยืดหยุ่นสำหรับพนักงานด้วย BAI Lear กำลังพิจารณาการนำหุ่นยนต์ UR มาใช้มากขึ้นหรือนำมาใช้กับกระบวนการอื่นๆ เพิ่มขึ้น”

Mr. Su Bikai ผู้จัดการทั่วไปของ UR ประเทศจีน กล่าวว่า เรารู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่โคบอท UR ได้มีส่วนร่วมในการปฏิรูปของ BAI Lear และช่วยยกระดับการผลิตให้เป็นระบบอัตโนมัติ ในฐานะที่เป็นองค์กรชั้นนำด้านโคบอท เราจะยังคงมุ่งมั่นให้ความช่วยเหลือแก่ผู้มีวิสัยทัศน์กว้างไกลที่ต้องการใช้ระบบร่วมปฏิบัติงานอันล้ำสมัยนี้ พร้อมทั้งสร้างระบบนิเวศสำหรับการใช้งานทั่วไปอย่างต่อเนื่อง